แท็กซี่เก่าสนามบินอู่ตะเภา รวมตัว ร้องถึงนายกตู่ ช่วยด้วย ถูกบอกเลิกสัญญาอย่างมีเงื่อนงำ แถม ผู้ประกอบการรายใหม่ใช้รถป้ายแดง วิ่งรับส่งผู้โดยสาร หน้าตาเฉย

 แท็กซี่เก่าสนามบินอู่ตะเภา รวมตัว ร้องถึงนายกตู่ ช่วยด้วย
ถูกบอกเลิกสัญญาอย่างมีเงื่อนงำ แถม ผู้ประกอบการรายใหม่ใช้รถป้ายแดง
วิ่งรับส่งผู้โดยสาร หน้าตาเฉย ทำได้ด้วยหรือ ด้าน กทภ.ยืนยันทำถูกต้องทุกขั้นตอนไม่มีเงื่อนงำใดๆทั้งสิ้น



 จากกรณีดังกล่าว ผู้ประกอบกิจการรถรับ ส่ง สนามบินอู่ตะเภา ถูกบอกเลิกสัญญาอย่างมีเงื่อนงำ ไม่ได้รับความเป็นธรรมขอความเมตตาช่วยเหลือ
 โดยได้รวมตัวกัน ที่ลานจอดรถสนามบินอู่ตะเภา ลานจอดรถยนต์ที่2 พร้อมแสดงป้ายถึงนายกตู่ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการร้องหาความเป็นธรรม จากการถูกบอกเลิกสัญญา โดยมีพนักงานขับรถและคนในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบในเหตุที่เกิดขึ้นจำนวนกว่า 30 คน และรถตู้โดยสารอีกกว่า10 คัน มาร่วมแสดงออกในความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น
  น.ส.สุนิสา แสงสว่าง อายุ 33 ปีตำแหน่ง รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท พร็อสเพอร์รีตี้ แอนด์ โพรเกรส จำกัด ที่อยู่106 ม.3 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ประกอบกิจการรถเช่า และรับ-ส่ง ภายในสนามบินอู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ได้กล่าวว่า หลังจากที่ แจ้งต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดระยอง และ กอ.รมน.จังหวัดระยอง ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการที่การท่าอากาศยานอู่ตะเภา (กทภ.)  ในการบอกเลิกสัญญาเช่าการประกอบกิจการ ก่อนกำหนด ซึ่งสัญญาจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค.61  ซึ่งต่อมา ได้รับแจ้งจาก กทภ.ว่าต้องขนย้ายสิ่งของทั้งหมดที่มีอยู่ในสนามบิน ออกให้หมดภายใน วันที่ 31 มกราคม 2561 โดย กทภ. จัดให้มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาให้บริการเช่า รับ-ส่ง ผู้โดยสารภายในสนามบิน อย่างมีเงื่อนงำ และยกเลิกสัญญาผู้ประกอบการเดิมจำนวน 4 บริษัท จนได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย  และให้ผู้ประกอบการรายเดิม ขนย้ายอุปกรณ์ต่างๆ ออกจากพื้นที่ ภายในวันที่ 31 ม.ค.61 ซึ่งในส่วนนี้ถือว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับพวกตน จึงเข้ามาขอยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมในวันนี้อีกครั้ง ต่อ กทภ. ต่อหน้าสื่อมวลชน เพื่อขอให้ติดตามตรวจสอบในเหตุแห่งเงื่อนงำ การปฏิบัติหน้าที่ของ กทภ.ที่ไม่มีความโปร่งใสให้กับตนและพวก
ทั้งนี้ ในหนังสื่อที่ยื่นต่อ กทภ.ได้ระบุข้อความเรียนถึง ผอ. การท่าอากาศยานอู่ตะเภา ในนามบริษัทพร็อสเพอร์รีตี้ แอนด์ โพรเกรส จำกัด มีความจำเป็นที่ ต้องทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก การท่าอากาศยานอู่ตะเภา เนื่องจากมีผลกระทบและผู้ได้รับความเดือดร้อน กับพนักงานลูกจ้างคนขับรถและครอบครัว เป็นอย่างยิ่ง และเพื่อลดปัญหา ที่มีผลกระทบโดยตรง ต่อพนักงานลูกจ้างคนขับรถและครอบครัว จึงขอความอนุเคราะห์ ให้ดำเนินกิจการต่อไป

 น.ส.สุนิสา แสงสว่าง  รองผู้จัดการทั่วไป ได้กล่าวว่า หากทาง กทภ.กระทำการเช่นนี้พวกตน และ พนักงานบริษัททั้งหมดจะได้รับความเดือดร้อน ต้องตกงาน รวมถึง คนในครอบครัวของพนักงาน ก็ต้องลำบากไปด้วย ซึ่งรวมๆแล้วคนเดือดร้อนจากเหตุในครั้งนี้มีถึงร้อยกว่าคนเลยทีเดียว ซึ่งที่เห็นในวันนี้เป็นแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น ที่กล้าออกมาแสดงออกในความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น

 ต่อมา น.อ.มานพ เกตุประจักษ์ รอง ผอ.การท่าอากาศยานอู่ตะเภา(กทภ.) ได้ส่งตัวแทนมารับหนังสือ ร้องเรียนจากกลุ่มผู้ประกอบการ พร้อมกับเชิญผู้สื่อข่าวหลายสำนัก รับฟังข้อเท็จจริง ณ ที่สนง.กทภ.
 น.อ.มานพ เกตุประจักษ์ กล่าวว่า ทาง กทภ.ขอยืนยันว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทาง กทภ.ได้แจ้งล่วงหน้าให้ผู้ประกอบการรายเก่าได้ทราบและมีการทำบันทึกข้อตกลงอย่างชัดเจน รวมถึงได้ระบุเป็นรายลักษณ์อักษรแล้วด้วยว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทุกฝ่ายเข้าใจในข้อตกลงที่บอกเลิกสัญญาไปแล้ว และจะไม่มีการร้องเรียนใดๆ หรือร้องเรียนต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด ในส่วนนี้ ทาง กทภ.จะเข้าพูดคุยและแถลงข่าวอีกครั้งในเหตุการณ์ครั้งนี้ เนื่องจาก ทาง ผอ.กทภ.ติดราชการที่รัฐสภา กทม.
 และในกรณีของรถยนต์ป้ายแดง ที่ทางกลุ่มผู้ประกอบการรายเก่าได้ร้องเรียนว่าสามารถรับส่งผู้โดยสารได้ด้วยหรือไม่ ในส่วนนี้ กทภ.ได้กำหนดในเรื่องของ
 สเปครถต้องเป็นรถยนต์ใหม่ป้ายแดง และต้องติดอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยตามที่กฏหมายกำหนด ไม่ว่าจะเป็น ระบบGPS กล้องส่องหลังในห้องโดยสาร และระบบ WIFI เป็นต้น ในส่วนนี้ กทภ.ยืนยันว่าต้องตรงตามสเปคที่กำหนด ในส่วนของ ผู้ประกอบการรายใหม่ เมื่อรับผู้โดยสารออกไปแล้วถูกจับเรื่องทะเบียนป้ายแดง ทาง กทภ.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น
 พร้อมกันนี้ ทาง กทภ.ได้นำรถยนต์ของผู้ประกอบการรายใหม่ให้ผู้สื่อข่าวได้ชม ในภาพลักษณ์ใหม่ของ สนามบินอู่ตะเภา ในการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาอย่างมากมายในอนาคต ของEEC ที่กำลังเกิดการพัฒนาอยู่ในขณะนี้
สอบถามนายชยลพ ขุนสุริยะ ผู้จัดการบริษัทวณาธณา ที่อยู่เลขที่ 3/19-20 ม.11 ถ.สุขุมวิท ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผู้ประกอบการรถรับส่งรายใหม่ ได้เผยว่า ปัจจุบัน มีรถยนต์ที่ใช้ป้ายแดงวิ่งรับส่งอยู่ประมาณ 30 คัน ซึ่งได้ยื่นเรื่องจดทะเบียนต่อกรมการขนส่งทางบกแล้ว ต้องรอระยะเวลาประมาณ 30-45 วัน ถึงจะได้ป้ายทะเบียนที่ถูกต้องตามกฏหมาย

//////////////////////////////////

ธานนท์ ตรีพลอักษร 0898331042
ภาพถ่ายด้วยตนเอง ///1/2/3/4///
1 กลุ่มผู้ประกอบการรายเก่า ชูป้ายร้องถึงนายก ตู่
2 น.อ.มานพ สวมเสื้อคลุมสีดำเปิดเผยข้อเท็จจริงที่ สนง.กทภ.
3 รถป้ายแดง ที่วิ่งรับส่ง ผู้โดยสารในปัจจุบั เป็นกระแสวิพากษ์ว่าสามารถทำได้หรือมีข้อยกเว้นพิเศษ
4 เอกสารในการร้องเรียน

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.