“สนธิรัตน์” กางแผนรับมือสินค้าเกษตรล่วงหน้าเป็นรายตัว พร้อมใช้นโยบายด้านการตลาดนำ การผลิตเข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูก ก่อนหาตลาดรองรับทั้งในและต่างประเทศ”
“สนธิรัตน์”
กางแผนรับมือสินค้าเกษตรล่วงหน้าเป็นรายตัว พร้อมใช้นโยบายด้านการตลาดนำ
สนธิรัตน์”
กางแผนรับมือสินค้าเกษตรล่วงหน้าเป็นรายตัว
พร้อมใช้นโยบายด้านการตลาดนำการผลิตเข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูก
ก่อนหาตลาดรองรับทั้งในและต่างประเทศ เผยราคาข้าวยังพุ่งต่อเนื่อง
ข้าวเปลือกหอมมะลิราคาดีสุดรอบ 10 ปี แนะเกษตรกรอย่าเพิ่มผลผลิต ให้เน้นคุมคุณภาพ
และเพาะปลูกข้าวที่ตลาดต้องการทั้งข้าวพื้นนิ่ม และข้าว กข43
ส่วนข้าวโพดราคาพุ่งไม่แพ้กัน 9.50-9.70 บาท
ต่อกก. และมันสำปะหลัง 3.15 บาทต่อกก. สูงสุดรอบ 10 ปีเช่นกัน ด้านเกษตรกรรวมตัวขอบคุณหลัง
“พาณิชย์”ช่วยเหลือจนมีรายได้เพิ่มขึ้น
นายสนธิรัตน์
สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษ
“สถานการณ์พืชผลการเกษตรของไทย” ที่จัดโดยสมาคมการค้าพืชไร่ ว่า
กระทรวงพาณิชย์มีแผนในการดูแลราคาสินค้าเกษตรสำคัญของประเทศ ทั้งข้าวเปลือก
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และสินค้าเกษตรอื่นๆ เป็นรายตัว
โดยได้มีการประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าทุกรายการ และวางแผนช่วยเหลือเป็นการล่วงหน้า
โดยเฉพาะการช่วยเหลือด้านการตลาดที่จะนำนโยบายการตลาดนำการผลิตมาใช้
ด้วยการส่งเสริมและผลักดันให้เกษตรกรเพาะปลูกตามที่ตลาดต้องการ
และกระทรวงพาณิชย์จะช่วยหาตลาดรองรับให้ ทั้งการจำหน่ายภายในและส่งออกต่างประเทศ
รวมถึงการจำหน่ายผ่านช่องทางการค้าออนไลน์
ทั้งนี้
ในส่วนของราคาข้าวปัจจุบัน พบว่า ราคายังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากการที่ประเทศ ผู้นำเข้าข้าวสำคัญ เช่น
แอฟริกา จีน ยังมีความต้องการซื้อข้าวเพิ่ม และไทยชนะการประมูลขายข้าวให้กับหลายประเทศ
เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ทำให้มีความต้องการข้าวเพื่อส่งมอบ
ทั้งในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และรัฐต่อเอกชน (จีทูพี)
และไทยยังอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงราคาซื้อขายข้าวจีทูจีกับจีน 1 แสนตันที่ 6 รวมทั้งติดตามและเจรจาให้จีนซื้อข้าวจีทูจีสัญญา
1 ล้านตันที่ 2 ซึ่งหากสำเร็จ ก็จะทำให้มีตลาดรองรับผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น
โดยคาดว่าปีนี้ไทยจะส่งออกข้าวได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านตัน
เพิ่มจากเป้าเดิมที่กำหนดไว้ที่ 9.5 ล้านตัน
อย่างไรก็ตาม
จากการที่ข้าวเปลือกหอมมะลิมีราคาสูงขึ้น โดยปัจจุบันราคาส่งออกอยู่ที่ตันละ 1,295
เหรียญสหรัฐ และราคาข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ตันละ 18,800 บาท
เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ตันละ 11,200 บาท
โดยเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 10 ปี
ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีความกังวลว่าเกษตรกรจะหันมาเพาะปลูกกันมากขึ้น
และเมื่อผลผลิตออกมามาก ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาได้ จึงขอให้เกษตรกรเพาะปลูกเท่าเดิม
และเน้นการควบคุมคุณภาพให้ดี
รวมทั้งหันไปเพาะปลูกข้าวที่มีศักยภาพและตลาดต้องการสูง โดยเฉพาะข้าวพื้นนุ่น เช่น
ข้าวกข21 กข59 เพื่อชิงตลาดจากเวียดนาม และข้าว กข43 ที่มีโอกาสทางการตลาดสูงมาก
ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปัจจุบันราคาก็เพิ่มขึ้นมาก โดยความชื้น 30% ราคา 7.50-7.70 บาทต่อกิโลกรัม (กก.)
เมื่อเทียบกับปีก่อน 5.00-5.10 บาทต่อกก. ความชื้น 14.5% ราคา 9.50-9.70 บาทต่อกก.
เทียบกับปีก่อนที่ 6.70-6.90 บาทต่อกก. ส่วนราคาโรงงานอาหารสัตว์รับซื้ออยู่ที่
10.25-10.55 บาทต่อกก. สูงกว่าปีก่อนที่
7.90-8.00 บาทต่อกก. ซึ่งราคายังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง เพราะเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว
โดยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูกาลใหม่
กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมแผนและมาตรการสำหรับรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว
ทั้งการประสานผู้ผลิตอาหารสัตว์ และสหกรณ์ผู้เลี้ยงสัตว์เข้าไปรับซื้อ
การใช้มาตรการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ผู้รวบรวมที่รับซื้อข้าวโพด
เพื่อให้สามารถติดตามดูแลได้ การเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างเกษตรกร ผู้รวบรวม
และโรงงานอาหารสัตว์
และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาการกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
โดยจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของทุกฝ่าย
สำหรับมันสำปะหลัง
ปัจจุบันราคาหัวมันสด เชื้อแป้ง 25% ราคา 3.15 บาทต่อกก. ซึ่งเป็นราคาสูงที่สุดในรอบ
10 ปีเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นผลสำเร็จมาจากการที่กระทรวงพาณิชย์
ได้เดินหน้าหาตลาดส่งออกให้กับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ทั้งตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลี
และหาตลาดใหม่ เช่น ตุรกี และนิวซีแลนด์
ร่วมมือกับสมาคมที่เกี่ยวข้องกับมันสำปะหลังในการทำตลาด และยังได้ใช้มาตรการกำหนดให้ผู้ซื้อ
ผู้จำหน่าย
ผู้ครอบครองมันสำปะหลัง ต้องแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ
รวมถึงการผลักดันให้นำมันสำปะหลังไปใช้ในการผลิตเอทานอล และที่สำคัญ
ได้กำกับดูแลการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้า
จนกระทบต่อราคาภายในประเทศ
นายทรงศักด์
ส่งเสริมอุดมชัย นายกสมาคมการค้าพืชไร่ กล่าวว่า สมาคมฯ และเกษตรกร
ขอขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะนายสนธิรัตน์
และทีมงานของกระทรวงพาณิชย์ที่ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร
ทั้งการรับฟังปัญหา การช่วยหาวิธีการแก้ไขปัญหา การดำเนินมาตรการหาตลาดรองรับให้กับผลผลิตของเกษตรกร
จนทำให้ปีนี้ ราคาข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
และมันสำปะหลัง มีราคาดี ไม่มีปัญหา ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
ในการเดินทางมาครั้งนี้ของนายสนธิรัตน์
ท่านได้บอกกับพวกเราว่า กระทรวงพาณิชย์จะไม่ทอดทิ้งเกษตรกร
จะทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลเกษตรกร
โดยท่านยังได้ชี้แจงถึงสถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตรของไทย ทั้งด้านความต้องการใช้
กำลังการผลิต การตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้นโยบายการตลาดนำการผลิต
เพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้เป็นข้อมูลการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการ
ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ในการดูแลสินค้าเกษตร
ซึ่งเกษตรกรพอใจและพร้อมที่จะปฏิบัติตาม”นายทรงศักด์กล่าว
////อัมพณ จับศรทิพย์ รายงาน 0619525644 /////
ไม่มีความคิดเห็น