อุกอาจ! คนร้ายบุกกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทกลางตลาดสระหญ้าม้า พลเมืองดียื้อสร้อยที่ขาดได้คืนก่อนทิ้งรถ จยย.ไว้ที่เกิดเหตุ แล้วหลบหนีเข้าป่ากล้วย เจ้าหน้าที่ระดมกำลังปิดล้อมจับกุม


อุกอาจ!  คนร้ายบุกกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทกลางตลาดสระหญ้าม้า
พลเมืองดียื้อสร้อยที่ขาดได้คืนก่อนทิ้งรถ จยย.ไว้ที่เกิดเหตุ
แล้วหลบหนีเข้าป่ากล้วย เจ้าหน้าที่ระดมกำลังปิดล้อมจับกุม



ชมคลิป

วันที่ 21 กรกฎาคม 2561 เวลา 20.20 น. ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรนางรองรับแจ้งเหตุมีคนร้ายกระชากสร้อยคอทองคำในตลาดสระหญ้าม้า อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์   พ.ต.ต.สรรเสริญ เตชะบุญ สว.ป.สภ.นางรอง  ร.ต.อ.วีระวุฒิ รัตน์ประโคน รอง สว.ป.สภ.นางรอง  เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจชุด191  และชุดสืบสวน  เข้าตรวจสอบเหตุดังกล่าว
ที่เกิดเหตุเป็นแผงผักสดในตลาดสระหญ้าม้าด้านทิศตะวันออก  มีประชาชนมุงดูอยู่เป็นจำนวนมาก  สอบถามนางจุฬาลักษณ์  อาญาเมือง อายุ51 ปี อยู่บ้านเลขที่113 หมู่11 บ้านหนองตาเข้ม ตำบลนางรอง  อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์  เป็นผู้เสียหาย เล่าว่าในขณะที่ตนเองกำลังแบ่งผักเพื่อจะขายให้กับลูกค้า ทันไดนั้นก็มีวัยรุ่นเข้ามากระชากสร้อยคอตนเองจากด้านหลัง ก่อนวิ่งหลบหนีไป โดยทิ้งรองเท้า และรถจักรยานยนต์ไว้ในที่เกิดเหตุด้วย





มีคนพบเห็นคนร้ายวิ่งหลบหนีมาทางด้านหลังธนาคารไทยพานิชย์สาขานางรอง แล้วหายเข้าไปในป่ากล้วย เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังและขอกำลังจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์ เพื่อมาปิดล้อมป่ากล้วย ซึ่งเป็นที่ที่ชาวบ้านพบเห็นว่าหลบหนีเข้ามา   จากการสอบถาม นายอานนท์  บุญสง่า อายุ40 ปี พลเมืองดี ที่เห็นเหตุการณ์แล้ววิ่งตามคนร้ายมาติดๆ ได้เล่าว่า ตนเองกับพวกอีกสองคน วิ่งตามคนร้ายมาติดๆ โดยคนร้ายมีลักษณะผอมสูง ผมเกรียนสั้น ใส่เสื้อสีขาว-น้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน วิ่งหลบหนีออกมา ตนเองจึงขู่ว่าให้หยุด เป็นช่วงที่คนร้ายโยนสร้อยคอทองคำคืนให้ ตนจึงเก็บไว้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ  และยังคงวิ่งตามคนร้ายต่อไป  ค้นหาประมาณ1 ชั่วโมงแต่ไม่พบตัวคนร้ายแต่อย่าได   อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้องรวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด  เพื่อเร่งติดตามเอาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป





ด้าน พ.ต.อ.ภควัต  ธรรมดี  ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนางรอง เล็งเห็นความสำคัญของประชาชนเป็นอย่างมาก ได้สั่งการและมอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด  ให้ทำงานด้วยมาตรการเชิงรุก ปกป้องพิทักษ์เหตุอาชญากรรมในทุกรูปแบบ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าหาประชาชน พูดคุยสอบถามปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ในหมู่บ้านชุมชนเมืองและในตำบล เพื่อสอบถามปัญหาอาชญากรรม ความสงบเรียบร้อย สิ่งที่ประชาชนต้องการให้ตำรวจทำ ความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่ตำรวจสามารถทำได้ตามขีดความสามารถ เดินเข้าหาประชาชน ไม่ใช่รอให้ประชาชนเข้าหา เบื้องต้นได้ให้สายตรวจต่าง ๆ ออกตรวจโดยให้มีการพบปะกับพี่น้องประชาชน เข้าไปพูดคุยกันให้มากขึ้น สอบถามสารทุกข์สุกดิบ หรือความเดือดร้อนต่าง ๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประชาชน เป็นที่รักของประชาชน มีการมอบสมุดพกให้กับสายตรวจเพื่อปฏิบัติตามนโยบาย Stop Walk & Talk อย่างต่อเนื่องทุกวัน




/ ภัทรพงศ์ ช้างเขียว ข่าวภาพ

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.