กอ.รมน.พิจิตรติดอาวุธทางปัญญาปลุกพลังชาวบ้านสร้างธนาคารน้ำใต้ดินสู้ภัยแล้งแก้จน

กอ.รมน.พิจิตรติดอาวุธทางปัญญาปลุกพลังชาวบ้านสร้างธนาคารน้ำใต้ดินสู้ภัยแล้งแก้จน

วันที่ 25  เม.ย. 2562  นายวรพันธุ์  สุวัณณุสส์  ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร  ซึ่งเป็น ผอ.กอ.รมน.พิจิตร ได้มอบหมายให้ พ.อ.วีรวัฒน์  วิวัฒน์วานิช  รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพิจิตร(กอ.รมน.)  เป็นประธานดำเนินกิจกรรมการอบรมผู้นำชุมชน  ชาวบ้าน  รวมถึงพระสงฆ์ เพื่อเติมเต็มความรู้เกษตรเกษตรทฤษฎีใหม่ประยุกต์  แบบ โคก หนอง  นา โมเดล  และธนาคารน้ำใต้ดิน ซึ่งจัดขึ้นที่หอประชุมโรงเรียนบึงเฒ่าวิทยา หมู่ที่ 5 ต.หนองโสน อ.สามง่าม  จ.พิจิตร ซึ่งมีชาวบ้าน  ผู้นำชุมชน และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรวมแล้วเกือบ 200 คน เข้าร่วมในการอบรมเพื่อติดอาวุธทางปัญญาในครั้งนี้ โดยมี นายเทพ   เพียมะลัง  นักวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์ เป็นผู้บรรยายเรื่อง โคก  หนอง นา อินทรีย์วิถีพุทธ ที่ยกตัวอย่างให้เห็นถึงการนำโครงการตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาบริหารจัดการชีวิตและการเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่สามารถลงมือทำได้ด้วยตัวเองไม่ต้องใช้งบประมาณหรือการลงทุนที่ใหญ่โตแต่อย่างใด ขอเพียง กล้าเปลี่ยนแล้วลงมือทำ จากคนที่เคยเป็นหนี้ก็จะกลายเป็นคนที่มีเงินเหลือเก็บ พอกิน พอใช้


นอกจากนี้ ดร.เร่งรัด   สุทธิสน จากสถาบันน้ำนิเทศศาสนาคุณ ก็ได้เป็นวิทยากรให้ความรู้ถึงเรื่องการบริหารจัดการน้ำ เนื่องจากพื้นที่ตำบลหนองโสน และ ตำบลเนินปอ เป็นพื้นที่ ที่ประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก โดยได้แนะนำวิธีการทำธนาคารน้ำใต้ดินตามหลักของสถาบันน้ำนิเทศศาสนาคุณ ที่มีอยู่ 2 รูปแบบ คือระบบปิดใช้แก้ปัญหาตามครัวเรือน  รางระบายน้ำ การเกษตร และระบบเปิดใช้แก้ปัญหาน้ำท่วม  น้ำแล้งและสามารถนำน้ำมาใช้ได้ ประโยชน์ที่ได้รับ คือ การคืนระบบนิเวศสู่ธรรมชาติ  มีน้ำอุปโภคและบริโภคที่พอเพียง ซึ่งวิธีการทำก็ทำแบบง่ายๆไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายก็สามารถทำให้มีแหล่งน้ำอยู่ใต้ดินที่สร้างความชุ่มชื้นให้กับพืชผลทางการเกษตร รวมถึงสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งได้จริง ซึ่งมีเกษตรกรในหลายจังหวัดลงมือทำและได้ผลมาแล้ว



สำหรับในพื้นที่ตำบลหนองโสนและตำบลเนินปอขณะนี้  นายวรพันธุ์  สุวัณณุสส์  ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร  ซึ่งเป็น ผอ.กอ.รมน.พิจิตร ได้อนุมัติเห็นชอบให้ กอ.รมน.พิจิตร ร่วมกับชาวบ้านและผู้นำชุมชนรวมถึงพระสงฆ์ขับเคลื่อนเดินหน้าโครงการดังกล่าวและจะทำต่อเนื่อง โดยจะหันมาส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพร  ผักอินทรีย์  และอื่นๆ  แบบครบวงจร ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าการทำนาและจะให้เป็นจุดแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในอนาคตต่อไปอีกด้วย  ซึ่งการติดอาวุธทางปัญญาในครั้งนี้ก่อให้เกิดการกระตุ้นพลังของชาวบ้านที่มีพระสงฆ์และผู้นำชุมชนร่วมขับเคลื่อนเพื่อแก้จนและสู้ภัยแล้งแบบมั่นคง  ยั่งยืน  อีกด้วย


สิทธิพจน์  พิจิตร

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.