ฟอรั่ม 21 จับมือ GNF เยอรมนี ขับเคลื่อนความก้าวหน้ายุคใหม่รับ EEC
ฟอรั่ม 21 จับมือ GNF เยอรมนี ขับเคลื่อนความก้าวหน้ายุคใหม่รับ EEC
ที่โรงแรมเดอะไทด์ รีสอร์ท บางแสน ชลบุรี เวลา 10.30 น. ผู้แทนองค์กรเอกชนด้านการพัฒนาสังคม “ฟอรั่ม 21” (Forum 21) โดยนายอภิชาต ทองอยู่ เลขาธิการองค์กร และนายวีรพงษ์ มาลัย รองประธานฯ ได้ร่วมลงนามความร่วมมือกับ “องค์กรโกบอล เนเจอร์ ฟันด์” Global Nature Fund หรือ “จีเอ็นเอฟ” GNF โดยนางแมเลี่ยน แฮมเมอร์ (Marion Hamersl) ประธานองค์กร พร้อมเลขาธิการ นายสเตฟาน ฮอร์มาน (Stefan Hormann) ผู้แทนจากสำนักงานใหญ่กรุงบอนน์ เยอรมนี โดยมีผู้แทนจากองค์กรสหประชาชาติฝ่ายไทย นายมีชัย ออสุวรรณ และผู้แทนจากสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ(องค์กรมหาชน) หรือ เบโด้ นายสุวีร์ งานดี เป็นสักขีพยานร่วมกับผู้แทนปลัดท้องถิ่นจาก 3 จังหวัดภาคตะวันออก ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา โดยนายสาคร โพธิ์คำ เป็นผู้ประสานงาน
การลงนามความร่วมมือระหว่างสององค์กรครั้งนี้ มีความสำคัญต่อการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจยุคใหม่และประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการวางรากฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลการพัฒนาของโลกยุค 4.0 และเป็นการร่วมมือสนับสนุนทุนและงบประมาณในการพัฒนา 3 มิติที่สำคัญคือ ๑) การพัฒนาด้านเกษตรกรรมให้กับกลุ่มเกษตรกรและเครือข่ายในพื้นที่ต่าง ๆ ของไทย ๒) การพัฒนากลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ๓) การพัฒนาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้สังคมสาธารณะให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21 ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะมีการสร้างแผนงานการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน การสนับสนุนทุน และสนับสนุนความร่วมมือด้านงานวิจัยและปฏิบัติการในทุกระดับ โดยมีเป้าหมายมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามกฎบัตรสหประชาชาติและการพัฒนาในหลายประเทศ
นายอภิชาต ทองอยู่ กล่าวว่า “ฟอรั่ม 21 จะตั้ง มูลนิธิสถาบันประเทศไทยศตวรรษที่ 21 ขึ้น เพื่อทำงานพัฒนาภาคเกษตรกรรม กลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก และสร้างความรู้ความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสังคมเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC เพื่อมุ่งช่วยสังคมและเครือข่ายการทำงานภาครัฐและเอกชนกลุ่มต่าง ๆ มีขีดความสามารถในการปรับตัวให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นการพัฒนาที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นไม่ได้”
“การพัฒนาวันนี้เปลี่ยนไปจากการพัฒนายุคก่อนมาก ไม่ใช่เป็นเรื่องความเก่งหรือการสั่งสมทุนแบบเก่าอีกต่อไป แต่เป็น การพัฒนาที่ต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกรอบตัวในทุกมิติ ต้องปรับคุณภาพและรู้จักใช้เทคโนโลยีในการผลิต ชาวนาวันนี้ไม่ต้องเดินตากแดดตามรถไถอีกแล้ว แต่สามารถใช้เทคโนโลยีสมาร์ทโฟนบังคับรถไถทำงานในไร่นาของตัว นั่นหมายถึงว่าโลกได้เปลี่ยนสู่ยุคเทคโนโลยีแล้ว ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตทุกมิติ ตั้งแต่เรื่องสุขภาพไปจนถึงต้นทุนการผลิต และสิ่งแวดล้อม”
ขณะที่ แมเลี่ยน แฮมเมอร์ (Marion Hamersl) กล่าวว่า “องค์กรฟอรั่ม 21 ที่ทำงานแบบองค์กรประชาสังคมของประเทศไทยนั้น เป็นองค์กรที่มีผลงานดีมาก การลงนามความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การยกระดับการพัฒนาให้สังคมโดยรวม โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและกลุ่มเป้าหมายของการทำงานทุกกลุ่ม ให้มีศักยภาพในการพัฒนาเท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงยุคใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทาง จีเอ็นเอฟ (GNF) จากเยอรมัน ยินดีที่ร่วมมือทุกด้านกับทางฟอรั่ม 21 ในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน”
สำหรับ สเตฟาน (stafan Hormann)ผู้แทน GNF จากกรุงบอนน์กล่าวเพิ่มเติมว่า “การพัฒนาทุกมิติ ต้องตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม จะละเลยไม่ได้ ประสบการณ์ในยุโรปมีทั้งการทำลายล้างและการฟื้นฟูดูแลสิ่งแวดล้อม เราสามารถใช้ประสบการณ์และความรู้ทั้งหมดสร้างสรรค์ให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ ความร่วมมือครั้งนี้จะมีความหมายต่อการพัฒนาความก้าวหน้าให้กับสังคมเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมทั้งจากฝั่งของเยอรมนีและไทยที่สำคัญ”
หลังการลงนาม คณะลงนามและสักขีพยานได้เดินทางลงพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC เยี่ยมชมการพัฒนาสนมบินอู่ตะเภา และลงพื้นที่หมู่บ้านประมงแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ดูการอนุรักษ์ชายฝั่งด้วยปะการัง วันรุ่งขึ้นจะเดินทางไปพบประชาชนในพื้นที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง และเยี่ยมชมโครงการปลูกป่าตามพระราชดำริ โดยนายสาคร โพธิ์คำ ปลัด อบต.แสมสารและคณะผู้บริหารท้องถิ่นฯ (CAEC) ให้การต้อนรับ
ที่โรงแรมเดอะไทด์ รีสอร์ท บางแสน ชลบุรี เวลา 10.30 น. ผู้แทนองค์กรเอกชนด้านการพัฒนาสังคม “ฟอรั่ม 21” (Forum 21) โดยนายอภิชาต ทองอยู่ เลขาธิการองค์กร และนายวีรพงษ์ มาลัย รองประธานฯ ได้ร่วมลงนามความร่วมมือกับ “องค์กรโกบอล เนเจอร์ ฟันด์” Global Nature Fund หรือ “จีเอ็นเอฟ” GNF โดยนางแมเลี่ยน แฮมเมอร์ (Marion Hamersl) ประธานองค์กร พร้อมเลขาธิการ นายสเตฟาน ฮอร์มาน (Stefan Hormann) ผู้แทนจากสำนักงานใหญ่กรุงบอนน์ เยอรมนี โดยมีผู้แทนจากองค์กรสหประชาชาติฝ่ายไทย นายมีชัย ออสุวรรณ และผู้แทนจากสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ(องค์กรมหาชน) หรือ เบโด้ นายสุวีร์ งานดี เป็นสักขีพยานร่วมกับผู้แทนปลัดท้องถิ่นจาก 3 จังหวัดภาคตะวันออก ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา โดยนายสาคร โพธิ์คำ เป็นผู้ประสานงาน
การลงนามความร่วมมือระหว่างสององค์กรครั้งนี้ มีความสำคัญต่อการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจยุคใหม่และประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการวางรากฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลการพัฒนาของโลกยุค 4.0 และเป็นการร่วมมือสนับสนุนทุนและงบประมาณในการพัฒนา 3 มิติที่สำคัญคือ ๑) การพัฒนาด้านเกษตรกรรมให้กับกลุ่มเกษตรกรและเครือข่ายในพื้นที่ต่าง ๆ ของไทย ๒) การพัฒนากลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ๓) การพัฒนาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้สังคมสาธารณะให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21 ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะมีการสร้างแผนงานการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน การสนับสนุนทุน และสนับสนุนความร่วมมือด้านงานวิจัยและปฏิบัติการในทุกระดับ โดยมีเป้าหมายมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามกฎบัตรสหประชาชาติและการพัฒนาในหลายประเทศ
นายอภิชาต ทองอยู่ กล่าวว่า “ฟอรั่ม 21 จะตั้ง มูลนิธิสถาบันประเทศไทยศตวรรษที่ 21 ขึ้น เพื่อทำงานพัฒนาภาคเกษตรกรรม กลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก และสร้างความรู้ความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสังคมเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC เพื่อมุ่งช่วยสังคมและเครือข่ายการทำงานภาครัฐและเอกชนกลุ่มต่าง ๆ มีขีดความสามารถในการปรับตัวให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นการพัฒนาที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นไม่ได้”
“การพัฒนาวันนี้เปลี่ยนไปจากการพัฒนายุคก่อนมาก ไม่ใช่เป็นเรื่องความเก่งหรือการสั่งสมทุนแบบเก่าอีกต่อไป แต่เป็น การพัฒนาที่ต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกรอบตัวในทุกมิติ ต้องปรับคุณภาพและรู้จักใช้เทคโนโลยีในการผลิต ชาวนาวันนี้ไม่ต้องเดินตากแดดตามรถไถอีกแล้ว แต่สามารถใช้เทคโนโลยีสมาร์ทโฟนบังคับรถไถทำงานในไร่นาของตัว นั่นหมายถึงว่าโลกได้เปลี่ยนสู่ยุคเทคโนโลยีแล้ว ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตทุกมิติ ตั้งแต่เรื่องสุขภาพไปจนถึงต้นทุนการผลิต และสิ่งแวดล้อม”
ขณะที่ แมเลี่ยน แฮมเมอร์ (Marion Hamersl) กล่าวว่า “องค์กรฟอรั่ม 21 ที่ทำงานแบบองค์กรประชาสังคมของประเทศไทยนั้น เป็นองค์กรที่มีผลงานดีมาก การลงนามความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การยกระดับการพัฒนาให้สังคมโดยรวม โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและกลุ่มเป้าหมายของการทำงานทุกกลุ่ม ให้มีศักยภาพในการพัฒนาเท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงยุคใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทาง จีเอ็นเอฟ (GNF) จากเยอรมัน ยินดีที่ร่วมมือทุกด้านกับทางฟอรั่ม 21 ในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน”
สำหรับ สเตฟาน (stafan Hormann)ผู้แทน GNF จากกรุงบอนน์กล่าวเพิ่มเติมว่า “การพัฒนาทุกมิติ ต้องตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม จะละเลยไม่ได้ ประสบการณ์ในยุโรปมีทั้งการทำลายล้างและการฟื้นฟูดูแลสิ่งแวดล้อม เราสามารถใช้ประสบการณ์และความรู้ทั้งหมดสร้างสรรค์ให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ ความร่วมมือครั้งนี้จะมีความหมายต่อการพัฒนาความก้าวหน้าให้กับสังคมเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมทั้งจากฝั่งของเยอรมนีและไทยที่สำคัญ”
หลังการลงนาม คณะลงนามและสักขีพยานได้เดินทางลงพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC เยี่ยมชมการพัฒนาสนมบินอู่ตะเภา และลงพื้นที่หมู่บ้านประมงแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ดูการอนุรักษ์ชายฝั่งด้วยปะการัง วันรุ่งขึ้นจะเดินทางไปพบประชาชนในพื้นที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง และเยี่ยมชมโครงการปลูกป่าตามพระราชดำริ โดยนายสาคร โพธิ์คำ ปลัด อบต.แสมสารและคณะผู้บริหารท้องถิ่นฯ (CAEC) ให้การต้อนรับ
ไม่มีความคิดเห็น