ราชบุรี ข่าว - เลี้ยงไก่ให้ฟังดนตรีกินสมุนไพร เกิดอารมณ์ดีให้ไข่ดก


           
 อดีตนักประชาสัมพันธ์ ศูนย์อนามัยที่  5 ราชบุรี ผันชีวิตมาสร้างฟาร์มไฮ่ฮัก ที่ ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ โดยจัดสรรพื้นที่เลี้ยงไก่ไข่เปิดดนตรีบรรเลงให้ฟังเพื่อให้ไก่มีอารมณ์ดี ออกไข่ดก ท่ามกลางป่าไผ่ ใช้สมุนไพรผสมอาหารให้ไก่กิน จนเป็นที่สนใจของกลุ่มคนรักสุขภาพ
             
 วันที่ 24 ก.ย.61)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า... บนพื้นที่ส่วนหนึ่งจำนวน  2 ไร่ จากที่มีอยู่ 10 ไร่  ของนางสาวนิศากร  ฝ้ายเครือ อายุ 33 ปี อดีตนักประชาสัมพันธ์ศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี  ที่ได้ตัดสินใจลาออกจากราชการ หันมาเลี้ยงไก่ไข่ แบบพื้นที่อีกส่วนหนึ่งปลูกพืช ผัก ผลไม้ กับสามี  นายกันย์ คันโธ  อายุ 39 ปี  นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์   สร้างเป็นฟาร์มไฮ่ฮัก  ตั้งอยู่เลขที่ 41/1 หมู่ 8 ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี  โดยไปหาซื้อไก่ไข่รุ่นสาวมาเลี้ยงประมาณ 200 ตัว แบบปล่อยธรรมชาติ  ยึดหลักตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ในชีวิตประจำวัน
             
 โดยใช้วัสดุที่หาได้  เช่น สังกะสี และตาข่าย มากั้นเป็นเล้าล้อมรอบในป่าไผ่รวก  เลี้ยงเป็นรุ่น ๆ แบบง่าย ๆ คือ เปิดเพลงเป็นเสียงดนตรีบรรเลงให้ไก่ฟังเป็นระยะ ๆ  เพื่อให้ไก่คุ้นเคยกับเสียงไม่ตกใจง่าย  หาพืชผัก ผลไม้ในไร่ที่ปลูกไว้  เช่น  ใบตำลึง มะเฟือง มะม่วง กล้วย ใบไม้ ใบไผ่ เอามาให้ไก่กิน โดยเฉพาะใบตำลึง มีประโยชน์ช่วยเรื่องความเจริญเติบทำให้ไก่ออกไข่ดก  และ ยังมีการคิดค้นส่วนผสมของสมุนไพรพื้นบ้านบางชนิดผสมใส่ไว้ในอาหารให้ไก่กิน  เป็นวัตถุดิบที่ผ่านการรับรองได้มาตรฐาน  มีเปอร์เซ็นต์การออกไข่อยู่ที่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์   สังเกตได้ตอนให้อาหาร ไก่จะเกิดอารมณ์ดีก็จะวิ่งตามเป็นขบวนเพื่อกินอาหาร หลังให้อาหารเช้าก็จะปล่อยเล่นคุ้ยเขี่ยดินหาอาหารกินเอง นอนคลุกฝุ่น  อาบแดด   ไก่จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ  มีขอนไม้ยกพื้นสูงเล็กน้อยให้ไก่นอนเล่น  มีตะกร้าใส่ฟางรองก้นไว้เพื่อให้วางไข่ทุกวัน ไก่จะชอบออกไข่ในที่มีลักษณะเงียบ มีแสงน้อย แต่ละตัวจะออกไข่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป  บางตะกร้าก็จะเข้าไปไข่พร้อมกัน 2 ตัว   
             
 ทั้งนี้ นางสาวนิศากร  ฝ้ายเครือ  กล่าวว่า...   “ เปิดดนตรีให้ฟัง ส่วนดีตรงที่ว่าหากวันไหนข้างบ้านจุดประทัด หรือทำเสียงดัง ก็จะไม่ทำให้ไก่เกิดอาการตกใจได้ง่าย เพราะเกิดความเคยชิน  และมีผลต่อการออกไข่ หรือเกิดการตาย และยังทำให้คนให้อาหารมีความสุขเพลิดเพลินไปกับได้ฟังเสียงดนตรีที่ไพเราะอีกด้วย ”

               
 สำหรับข้อแตกต่างระหว่างไก่เลี้ยงธรรมชาติ กับไก่เลี้ยงกินอาหารแบบกระสอบ ไข่ไก่ธรรมชาติจะไม่เหม็นคาว ไข่จะออกสีเหลีองไม่แดงมาก เพราะไม่มีการเร่งสี  คงความสดได้นาน  หากอยู่นอกตู้เย็นจะอยู่ได้ประมาณ 2 อาทิตย์  ความสดของไข่  อยู่ที่ไข่ขาวเกาะไข่แดงนูนอูมเห็นได้ชัดเจน  ไม่กระจายตัวออกเป็นน้ำ 
                 
 นางสาวนิศากร  ฝ้ายเครือ  กล่าวอีกว่า  “ หน้าฟาร์มจะขายอยู่ฟองละ 4 บาท   และไปวางขายที่ตลาดวิถีธรรมชาติข้างสนามกีฬากลาง เขต อ.เมืองราชบุรี ทุกเช้าวันศุกร์ จะขายในราคาหน้าฟาร์มเท่ากัน   มีรายได้อาทิตย์ละประมาณ 3 - 4 พันบาท หากส่งต่างจังหวัดจะมีรายได้ประมาณ 10,000 บาทต่อสัปดาห์ หักต้นทุนแล้วพออยู่ได้ ”
                 

 ทำให้ทุกวันนี้ นางสาวนิศากร  ฝ้ายเครือ ได้เก็บไข่ไก่ขายทุกวัน  หลังเก็บไข่มาแล้วก็จะนำผ้ามาเช็ดถูเปลือกไข่เพื่อทำความสะอาด  จัดวางเรียงลงแผงทุกวัน  เตรียมส่งขายแม่ค้าที่มารับซื้อหน้าฟาร์มและเตรียมส่งจำหน่ายร้านค้าประจำอีกส่วนหนึ่ง  ซึ่งทำให้ตนเองได้ใช้ชีวิตอยู่ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9  ถือเป็นแบบอย่างที่ดีที่สามารถนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตของครอบครัวจนประสบความสำเร็จได้

////////////////////////////////////////////////////////////////////

สุจินต์ นฤภัน

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.