พิจิตรชาวบ้าน3ตำบลร้องทุกข์ถูกภาครัฐอ้างข้อกฎหมายยึดครองห้ามชาวบ้านใช้ประโยชน์บึงสาธารณะ อย่าใช้กฎหมายรังแกชาวบ้าน!ชาวนาตำบลท่าบัวโพทะเลนับร้อยครอบครัวรวมตัวร้องทุกข์ทวงคืนบึงสัพงายหลังถูกภาครัฐอ้างกฎหมายยึดครองห้ามชาวบ้านใช้ประโยชน์
อีกทั้งมีการห้ามชาวบ้าน เข้าไปในพื้นที่ของบึงสัพงายเพื่อหาปลาหรือเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่สาธารณะในบริเวณดังกล่าว ชาวบ้านหลายร้อยครอบครัวได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของหน่วยงานของรัฐที่อ้างกฎหมายรังแกประชาชน จึงรวมตัวกันร้องทุกข์และเรียกร้องผ่าน นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรและ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิจิตร เพื่อขอให้คืนบึงสัพ งายให้ชาวบ้าน ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันต่อไปด้วย
ล่าสุด นายวิศิษฐ์ เบญจพิทักษ์กุล นายอำเภอโพทะเล ได้เชิญ นายวิทยา ทรัพย์คงทน ผอ.สนง.จัดรูปที่ดินและจัดระบบน้ำเพื่อการเกษตรกรรมที่ 6 เข้าชี้แจงว่า ที่สาธารณะประโยชน์บึงสัพงายตั้งอยู่ที่ ต.ท่าบัว อ.โพทะเล จ.พิจิตร ตามเอกสารหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงมีพื้นที่ประมาณ 1200 ไร่เศษ ปัจจุบันอาศัยตามาตรา 43 แห่ง พรบ.จัดรูปที่ดินเพื่อ เกษตรกรรม พ.ศ.2517 ที่ดินแปลงดังกล่าวตกเป็นทรัพย์สินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อใช้ในการจัดรูปที่ดิน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2529 หลังจากนั้นได้มีหน่วยงานขอยืมใช้ประโยชน์ในพื้นที่บึงสัพงาย คือ กรมการปกครองขอยืมใช้ก่อสร้างศูนย์ราชการอำเภอโพทะเล 90 ไร่ ตั้งแต่ พ.ศ.2541 , กรมปศุสัตว์เคยขอยืมใช้สร้างศูนย์ปศุสัตว์ฯ เนื้อที่ 315 ไร่ แต่ปัจจุบันได้คืนพื้นที่ให้ราษฎรใช้เป็นบึงและที่สาธารณะประโยชน์ , กรมอาชีวะยืมใช้สร้างวิทยาลัยการอาชีพโพทะเล 120 ไร่ ตั้งแต่ พ.ศ.2541 , ส่วนพื้นที่เจ้าปัญหากระทรวงอุตสาหกรรมยืมใช้เพื่อก่อสร้างสถานีทดลองและขยายพันธุ์อ้อยพิจิตรเนื้อที่ 540 ไร่ ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2537 โดยนายจักรกฤต ขันทอง หัวหน้าสถานีทดลองและขยายพันธุ์อ้อยพิจิตร กล่าวว่า ยังคงมีเจตนาจะขอใช้พื้นที่ดังกล่าวต่อไป เพื่องานวิจัยและขยายพันธุ์อ้อยแจกจ่ายให้กับเกษตรกรที่ปลูกอ้อยในพื้นที่จังหวัดพิจิตรและพื้นที่ข้างเคียง
ในส่วนของชาวบ้านที่เป็นราษฎรจาก ต.ท่าบัว ต.ทุ่งน้อย ต.บ้านน้อย ของ อ.โพทะเล จำนวนหลายร้อยครอบครัวที่ร้องทุกข์ว่าอยากได้บึงสัพงายคืนเพื่อให้บึงสัพงายได้รับการพัฒนาจากกรมชลประทานเพื่อขุดลอกเป็นแก้มลิงเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งเนื่องจากจังหวัดพิจิตรเป็นพื้นที่ปลูกข้าวเป็นส่วนใหญ่จึงไม่ต้องการศูนย์วิจัยอ้อยที่มาตั้งอยู่ในบึงสัพงายแถมที่ผ่านมายังอ้างข้อกฎหมายกีดกันไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปหาปลาหรือเลี้ยงสัตว์ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจถึงกับกล่าวว่า ส่วนราชการอ้างข้อกฎหมายมารังแกประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านมีการรวมตัวกันทอดผ้าป่าสามัคคีได้เงินแค่เพียง 1,290 บาท เพื่อจะใช้เป็นทุนในการขับเคลื่อนและต่อสู้เพื่อเรียกร้องบึงสัพงายให้ได้พัฒนาเป็นแก้มลิงต่อไป
สิทธิพจน์ พิจิตร
ไม่มีความคิดเห็น