ยุทธการ"เด็ดดอกไม้พิษ"ลุยปราบโอนเงินค้ายาชายแดนจับ20คนเกือบ20ล้าน
ยุทธการ"เด็ดดอกไม้พิษ"ลุยปราบโอนเงินค้ายาชายแดนจับ20คนเกือบ20ล้าน
วันนี้ (15 พ.ค.) พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส.พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำ
เหนิด ผบก.ปส.3 นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.ร่วมกับตำรวจภูธร ภ.5 บก.ภ.จว.เชียงราย
ทหารกองกำลังผาเมือง กองทัพภาคที่ 3 สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
(ปปส.)ภาค 5 สำนักงานป้องกันการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ฝ่ายปกครอง ศุลกากร สรรพากร
ฯลฯ เปิดยุทธการตามแผน "ชัยยะสยบไพรี 61/5 เด็ดดอกไม้พิษ" ในพื้นที่ชายแดน
ไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 14-15 พ.ค.นี้ เพื่อปราบปรามการฟอก
เงินที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มนักค้ายาเสพติด โดยเฉพาะการใช้บัญชีตัวแทนทั้งชาวไทยและ
เมียนมาในภาคเหนือเพื่อซื้อขาย ฟอกเงินและขนเงินจากการค้ายาเสพติด
โดยปฏิบัติการดังกล่าวมีขึ้นพร้อมกับทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1-15 พ.ค.นี้ ใช้กำลัง
ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ รวมกันกว่า 1,500 นาย โดยเป็นตำรวจ ปส.กว่า 750 นาย ทำ
การตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายรวมกันกว่า 80 เป้าหมาย ในส่วนของพื้นที่ ภ.5 มีจำนวน 17
เป้าหมายโดยมี อ.แม่สาย เป็นเขตปฏิบัติการสำคัญเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจพบคดีสำคัญ
โดยเมื่อวันที่ 31 มค.2560 ตำรวจ ปส.ได้จับกุมัวนายณัฐพล นาคคำ พร้อมพวกพร้อม
ของกลางยาคีตามีนและไฟว์ไฟว์ จึงขยายผลจับกุมตัวนายอัครกิตต์ วรโรจน์เจริญเดช ได้
อีกคนและตรวจสอบพบมีการโอนเงินค่าซื้อยาเสพติดเข้าบัญชีชาวเมียนมาด้วย
ต่อมาวันที่ 6 ก.พ.2561 ตำรวจ สภ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง จับกุมนายนิพนธ์ กลิ่น
ระรื่นและ น.ส.เฉลิมพร กรอนกระโทก พร้อมยาบ้าจำนวน 46,000 เม็ด ยาไอซ์ 1,570
กรัม ก็พบมีการโอนเงินค่าซื้อเข้าบัญชีชาวเมียนมาคนเดียวกันด้วย ตำรวจ ปส.จึงสืบสวน
ธุรกรรมการเงินจนพบว่ามีนางเพ็ญศรี ก้างออนตา ซึ่งเป็นคนไทยเป็นผู้ที่ทำธุรกรรมจึง
ได้ขออนุมัติหมายจับแล้ว
เจ้าหน้าที่สืบทราบอีกว่านอกจากนี้ยังมี น.ส.ทับทิม ใหญ่ทอง ทำหน้าที่ด้านการเงิน
ให้กับเครือข่ายการค้ายาเสพติดด้วย โดยตรวจพบว่าจากการที่ตำรวจจับกุมตัวนายไพบูลย์
โอสถ นายสิทะพงค์ แซ่ตัน และ น.ส.สุชาดา ขำยินดี พร้อมยาบ้า 60,777 เม็ด ได้ที่ อ
.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมาพบหลักฐานสลิปโอนเงินส่งให้เครือข่าย
โดยมี น.ส.ทับทิม เป็นคนทำธุรกรรม
เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าหลังการโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้วจะมีนักค้ายาเสพติดเข้า
ไปถอนเงินแล้วนำใส่เป้าสะพายนักเรียนชาวเมียนมาที่ชายแดนซึ่งข้ามมาเรียนหนังสือใน
ฝั่ง อ.แม่สาย จากนั้นทำทีเป็นนำเงินข้ามกลับไปยังฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ที่
อยู่ติดกันเพื่ออำพลาง ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้
ผลการปฏิบัติการตามแผน "ชัยยะสยบไพรี 61/5 เด็ดดอกไม้พิษ" พบว่าสามารถ
จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้นจำนวน 20 คนจากทั้งสิ้น 18 คดี โดยมีผู้ต้องหารายสำคัญจำนวน
5 รายคือนางเพ็ญศรีและ น.ส.ทับทิม ดังกล่าวและยังมีนายไส เทน มิน ชาวเมียนมา น.ส
.เมวิกา ชาญอาวุธ และ น.ส.หอมนวล ยอดอ่อน ปฏิบัติการเกี่ยวข้องกับของกลางที่ถูกยึด
ได้คือยาบ้าจำนวน 6,194,000 เม็ด เฮโรอีน 70 กิโลกรัม ยาไอซ์ 493 กิโลกรัม ยาอี
18,000 เม็ด ยาอีผง 1 กิโลกรัม คีตามีน 10 กิโลกรัม ใบกระท่อม 50 ใบ ปืน 3 กระบอก
ตรวจยึดทรัพย์สินเป็นรถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน บ้าานพร้อมที่ดิน 2 หลัง เงินสด
4,275,487 บาท อายัดเงินในบัญชี 5,397,046 บาท โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง รวม
มูลค่าของกลางสิ้น 19,789,533 บาท.
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ ปส.และหน่วยงานพิสูจน์หลักฐานจากกองบัญชาการตำรวจสอบ
สวนกลาง ยังคงปฏิบัติการจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และทาง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรี
วรขาน รอง ผบ.ตร.พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 เดินทางไปตรวจดูผลการ
ปฏิบัติการและร่วมทำแผนชี้จุดต่างๆ ตามที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหา
ได้ด้วย
ทั้งนี้ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย ถือเป็นเขตเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญที่
เชื่อมระหว่างภาคเหนือของประเทศไทยกับรัฐฉานของเมียนมา โดยปี 2560 ที่ผ่านมามี
มูลค่าการค้าผ่านศุลกากรรวมกว่า 8,245,251,060.17 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการส่ง
ออกสินค้าอุปโภคบริโภค เชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ รวมกันกว่า 8,010,272,527.19
ล้านบาท ขณะที่ฝั่งรัฐฉานนอกจากจะเป็นเขตปกครองโดยตรงของรัฐมานเมียนมายังมี
เขตปกครองพิเศษที่ 2 ของกลุ่มว้าทั้งภาคเหนือและภาคใต้ เขตปกครองพิเศษที่ 4 ของ
กลุ่มพันธมิตรหลายชาติพันธุ์ ฯลฯ ซึ่งบางกลุ่มมีประวัติด้านการผลิตยาเสพติดและเชื่อม
โยงการค้าและการฟอกเงินกับชายแดนไทย-เมียนมา ดังกล่าว.
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่าพฤติกรรมทางการเงินของคนเหล่นี้น่ากลัวเพราะไม่ได้
แตกต่างจากการเปิดบัญชีขายตรงเพื่อซื้อขายสินค้าทั่วไปแต่กลับเป็นยาเสพติด ซึ่งบาง
ครั้งเขาก็ไม่รู้ว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้อย่างไร ดังนั้นการจะเชื่อมโยงบุคคล
เกี่ยวกับยาเสพติดไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้การเฝ้าระวังและชัดเจนไม่เช่นนั้นไม่อาจขอออก
หมายจับได้ อย่างไรก็ตามผู้ต้องหามีการรับว่ามีการโอนเงินจริง และรับว่ามีส่วนรายได้
จากการโอนจริง แต่ปฏิเสธไม่รู้ว่าเงินมาจากยาเสพติดรวมทั้งไม่บอกว่าผู้ใดไปติดต่อให้
มีการทำธุรกรรมด้วย ทั้งนี้ปฏิบัติครั้งนี้สามารถสกัดการเงินของขบวนการค้ายาเสพติดได้
ในระดับหนึ่ง และสังเกตุได้ว่ากลุ่มผู้ค้าในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมีการ
เคลื่อนไหวอย่างผิดปกติโดยทำได้ไม่สะดวกเหมือนเดิม กระนั้นก็เชื่อว่าไม่เรายังไม่
สามารถหยุดการค้านี้ได้อย่างเด็ดขาดเพราะอำนาจการเงินเยอะมากแต่ก็ต้องพยายาม
ต่อไปเพราะหากหยุดได้กลุ่มขบวนการต้องสูญเสียแน่นอน
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่าพฤติกรรมดังกล่าว บช.ปส.ได้ติดตามมานานแล้วจึงสามารถขอ
อนุมัติศาลให้ออกหมายจับได้ โดยมีการเปิดบัญชีธนาคารหลายบัญชีซึ่งทาง ปปง.จะได้
ตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้บางบัญชีมีการโอนเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท บางบัญชี 100
ล้านบาท ลักษณะเหมือนที่ชายแดนด้าน จ.ตาก เช่นกันซึ่ง จนท.จะได้ตรวจสอบต่อไป
จักรภัทร แสนภูธร รายงาน รมณ ชมภูนุช ถ่ายภาพ
วันนี้ (15 พ.ค.) พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส.พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำ
เหนิด ผบก.ปส.3 นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.ร่วมกับตำรวจภูธร ภ.5 บก.ภ.จว.เชียงราย
ทหารกองกำลังผาเมือง กองทัพภาคที่ 3 สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
(ปปส.)ภาค 5 สำนักงานป้องกันการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ฝ่ายปกครอง ศุลกากร สรรพากร
ฯลฯ เปิดยุทธการตามแผน "ชัยยะสยบไพรี 61/5 เด็ดดอกไม้พิษ" ในพื้นที่ชายแดน
ไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 14-15 พ.ค.นี้ เพื่อปราบปรามการฟอก
เงินที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มนักค้ายาเสพติด โดยเฉพาะการใช้บัญชีตัวแทนทั้งชาวไทยและ
เมียนมาในภาคเหนือเพื่อซื้อขาย ฟอกเงินและขนเงินจากการค้ายาเสพติด
โดยปฏิบัติการดังกล่าวมีขึ้นพร้อมกับทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1-15 พ.ค.นี้ ใช้กำลัง
ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ รวมกันกว่า 1,500 นาย โดยเป็นตำรวจ ปส.กว่า 750 นาย ทำ
การตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายรวมกันกว่า 80 เป้าหมาย ในส่วนของพื้นที่ ภ.5 มีจำนวน 17
เป้าหมายโดยมี อ.แม่สาย เป็นเขตปฏิบัติการสำคัญเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจพบคดีสำคัญ
โดยเมื่อวันที่ 31 มค.2560 ตำรวจ ปส.ได้จับกุมัวนายณัฐพล นาคคำ พร้อมพวกพร้อม
ของกลางยาคีตามีนและไฟว์ไฟว์ จึงขยายผลจับกุมตัวนายอัครกิตต์ วรโรจน์เจริญเดช ได้
อีกคนและตรวจสอบพบมีการโอนเงินค่าซื้อยาเสพติดเข้าบัญชีชาวเมียนมาด้วย
ต่อมาวันที่ 6 ก.พ.2561 ตำรวจ สภ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง จับกุมนายนิพนธ์ กลิ่น
ระรื่นและ น.ส.เฉลิมพร กรอนกระโทก พร้อมยาบ้าจำนวน 46,000 เม็ด ยาไอซ์ 1,570
กรัม ก็พบมีการโอนเงินค่าซื้อเข้าบัญชีชาวเมียนมาคนเดียวกันด้วย ตำรวจ ปส.จึงสืบสวน
ธุรกรรมการเงินจนพบว่ามีนางเพ็ญศรี ก้างออนตา ซึ่งเป็นคนไทยเป็นผู้ที่ทำธุรกรรมจึง
ได้ขออนุมัติหมายจับแล้ว
เจ้าหน้าที่สืบทราบอีกว่านอกจากนี้ยังมี น.ส.ทับทิม ใหญ่ทอง ทำหน้าที่ด้านการเงิน
ให้กับเครือข่ายการค้ายาเสพติดด้วย โดยตรวจพบว่าจากการที่ตำรวจจับกุมตัวนายไพบูลย์
โอสถ นายสิทะพงค์ แซ่ตัน และ น.ส.สุชาดา ขำยินดี พร้อมยาบ้า 60,777 เม็ด ได้ที่ อ
.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมาพบหลักฐานสลิปโอนเงินส่งให้เครือข่าย
โดยมี น.ส.ทับทิม เป็นคนทำธุรกรรม
เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าหลังการโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้วจะมีนักค้ายาเสพติดเข้า
ไปถอนเงินแล้วนำใส่เป้าสะพายนักเรียนชาวเมียนมาที่ชายแดนซึ่งข้ามมาเรียนหนังสือใน
ฝั่ง อ.แม่สาย จากนั้นทำทีเป็นนำเงินข้ามกลับไปยังฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ที่
อยู่ติดกันเพื่ออำพลาง ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้
ผลการปฏิบัติการตามแผน "ชัยยะสยบไพรี 61/5 เด็ดดอกไม้พิษ" พบว่าสามารถ
จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้นจำนวน 20 คนจากทั้งสิ้น 18 คดี โดยมีผู้ต้องหารายสำคัญจำนวน
5 รายคือนางเพ็ญศรีและ น.ส.ทับทิม ดังกล่าวและยังมีนายไส เทน มิน ชาวเมียนมา น.ส
.เมวิกา ชาญอาวุธ และ น.ส.หอมนวล ยอดอ่อน ปฏิบัติการเกี่ยวข้องกับของกลางที่ถูกยึด
ได้คือยาบ้าจำนวน 6,194,000 เม็ด เฮโรอีน 70 กิโลกรัม ยาไอซ์ 493 กิโลกรัม ยาอี
18,000 เม็ด ยาอีผง 1 กิโลกรัม คีตามีน 10 กิโลกรัม ใบกระท่อม 50 ใบ ปืน 3 กระบอก
ตรวจยึดทรัพย์สินเป็นรถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน บ้าานพร้อมที่ดิน 2 หลัง เงินสด
4,275,487 บาท อายัดเงินในบัญชี 5,397,046 บาท โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง รวม
มูลค่าของกลางสิ้น 19,789,533 บาท.
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ ปส.และหน่วยงานพิสูจน์หลักฐานจากกองบัญชาการตำรวจสอบ
สวนกลาง ยังคงปฏิบัติการจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และทาง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรี
วรขาน รอง ผบ.ตร.พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 เดินทางไปตรวจดูผลการ
ปฏิบัติการและร่วมทำแผนชี้จุดต่างๆ ตามที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหา
ได้ด้วย
ทั้งนี้ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย ถือเป็นเขตเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญที่
เชื่อมระหว่างภาคเหนือของประเทศไทยกับรัฐฉานของเมียนมา โดยปี 2560 ที่ผ่านมามี
มูลค่าการค้าผ่านศุลกากรรวมกว่า 8,245,251,060.17 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการส่ง
ออกสินค้าอุปโภคบริโภค เชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ รวมกันกว่า 8,010,272,527.19
ล้านบาท ขณะที่ฝั่งรัฐฉานนอกจากจะเป็นเขตปกครองโดยตรงของรัฐมานเมียนมายังมี
เขตปกครองพิเศษที่ 2 ของกลุ่มว้าทั้งภาคเหนือและภาคใต้ เขตปกครองพิเศษที่ 4 ของ
กลุ่มพันธมิตรหลายชาติพันธุ์ ฯลฯ ซึ่งบางกลุ่มมีประวัติด้านการผลิตยาเสพติดและเชื่อม
โยงการค้าและการฟอกเงินกับชายแดนไทย-เมียนมา ดังกล่าว.
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่าพฤติกรรมทางการเงินของคนเหล่นี้น่ากลัวเพราะไม่ได้
แตกต่างจากการเปิดบัญชีขายตรงเพื่อซื้อขายสินค้าทั่วไปแต่กลับเป็นยาเสพติด ซึ่งบาง
ครั้งเขาก็ไม่รู้ว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้อย่างไร ดังนั้นการจะเชื่อมโยงบุคคล
เกี่ยวกับยาเสพติดไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้การเฝ้าระวังและชัดเจนไม่เช่นนั้นไม่อาจขอออก
หมายจับได้ อย่างไรก็ตามผู้ต้องหามีการรับว่ามีการโอนเงินจริง และรับว่ามีส่วนรายได้
จากการโอนจริง แต่ปฏิเสธไม่รู้ว่าเงินมาจากยาเสพติดรวมทั้งไม่บอกว่าผู้ใดไปติดต่อให้
มีการทำธุรกรรมด้วย ทั้งนี้ปฏิบัติครั้งนี้สามารถสกัดการเงินของขบวนการค้ายาเสพติดได้
ในระดับหนึ่ง และสังเกตุได้ว่ากลุ่มผู้ค้าในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมีการ
เคลื่อนไหวอย่างผิดปกติโดยทำได้ไม่สะดวกเหมือนเดิม กระนั้นก็เชื่อว่าไม่เรายังไม่
สามารถหยุดการค้านี้ได้อย่างเด็ดขาดเพราะอำนาจการเงินเยอะมากแต่ก็ต้องพยายาม
ต่อไปเพราะหากหยุดได้กลุ่มขบวนการต้องสูญเสียแน่นอน
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่าพฤติกรรมดังกล่าว บช.ปส.ได้ติดตามมานานแล้วจึงสามารถขอ
อนุมัติศาลให้ออกหมายจับได้ โดยมีการเปิดบัญชีธนาคารหลายบัญชีซึ่งทาง ปปง.จะได้
ตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้บางบัญชีมีการโอนเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท บางบัญชี 100
ล้านบาท ลักษณะเหมือนที่ชายแดนด้าน จ.ตาก เช่นกันซึ่ง จนท.จะได้ตรวจสอบต่อไป
จักรภัทร แสนภูธร รายงาน รมณ ชมภูนุช ถ่ายภาพ
ไม่มีความคิดเห็น