NEWS - ปิดเมืองไล่ล่าระทึก ตำรวจระดมกำลังวางแผนจับกุม ร.ต.อ. “เฉลิมชัย” ผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่าที่นครสวรรค์ หนีมากบดานที่ อ.นางรอง บุรีรัมย์

NEWS - ปิดเมืองไล่ล่าระทึก  ตำรวจระดมกำลังวางแผนจับกุม ร.ต.อ. “เฉลิมชัย” ผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่าที่นครสวรรค์ หนีมากบดานที่ อ.นางรอง บุรีรัมย์

วันที่ 14 พค 2561 เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 1 ตำรวจสืบสวนภาค 3 ตำรวจสืบสวนจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.นางรอง ร่วมกันวางแผนเข้าจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี หลักจากหนีมากบดานที่อำเภอนางรอง  จังหวัดบุรีรัมย์  เจ้าหน้าทีสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้พักอาศัยอยู่ในห้องพักรีสอร์ทแห่งหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ) พื้นที่อำเภอนางรองภายใน จึงวางแผนเข้าจับกุมทันที  ขณะเดียวกันผู้ต้องหาได้ขับรถยนต์กระบะหลบหนีไปเส้นทาง ถนนนางรอง-ลำปลายมาศ ก่อนยูเทินเข้ามาอำเภอนางรองอีกครั้งและเลี้ยวเข้าซอยด้านหลังโรงพยาบาลนางรอง และออกมาข้าง รพ.นางรอง  ก่อนยูเทินหน้า รพ. เพื่อมุ่งหน้าใช้เส้นทาง ขาเข้า กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตัดสินใจใช้ปืนยิงล้อยางเพื่อสกัดให้รถหยุด และเข้าทำการจับกุมตัวดังกล่าว สามารถจับกุมได้ที่ริมถนนหมายเลข 24 ถนนโชคชัย-เดชอุดม บริเวณด้านหน้าศูนย์รถมาสด้า
ทราบชื่อต่อมาคือ ร.ต.อ.เฉลิมชัย สุติบุตร  ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี  จับได้พร้อมของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูสุ รุ่น ดีแม็ค สีบอร์น หมายเลขทะเบียน กง 1932 บุรีรัมย์ และอาวุธปืนสั้น 1 กระบอก ภายในกระบะด้านหลังยังพบป้ายทะเบียนอีกจำนวน 2 แผ่น จากการตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนไม่ตรงกับรถคันดังกล่าวแต่อย่างได เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสอบ ที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
…..ข่าวก่อนหน้า เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 12.00 น. สภ.ไพศาลี ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายไทยนอนเสียชีวิต อยู่บริเวณชายเขาห่างจากถนนสาธารณะบ้านดงเข็ม–เขาข้างฟุบ ประมาณ 100 เมตร ต.นามขอม อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ พนักงานสอบสวน พร้อมแพทย์และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องจึงรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบศพชายไทยไม่สวมเสื้อผ้านอนคว่ำหน้าและมีบาดแผลถูกยิงบริเวณด้านหลังและศีรษะ พบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 3 ปลอก ถุงมือ 1 ข้าง และแก้วน้ำ 1 ใบ อยู่ในที่เกิดเหตุ จากการสอบถามบุคคลในพื้นที่ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ถ่ายภาพทำแผนที่เกิดเหตุและเก็บวัตถุพยานของกลางจากที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งเร่งรัดการพิสูจน์ทราบผู้เสียชีวิต   ต่อมาได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า จากการชันสูตรพลิกศพชายเสียชีวิต ทราบชื่อคือนายประสิทธิ์ อ่องเอี่ยม ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี  ในคดีปล้นทรัพย์ฯ พื้นที่ของ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนเรื่อยมา จนทราบข้อมูลผู้เสียชีวิตและเส้นทางการหลบหนีของผู้ต้องหา  จากการสอบสวนทราบว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 13.00-14.00 น. ร.ต.อ.เฉลิมชัย สุติบุตร  ได้หลบหนีเข้ามาภายในพื้นที่ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ เพื่อพบกับ ร.ต.ท.ละยูซึ่งเป็นพ่อตาของร.ต.อ.เฉลิมชัย โดยต้องการให้ช่วยลงมือฆ่าปิดปากนายประสิทธิ์  และได้ลงมือฆ่านายประสิทธิ์ในเขตพื้นที่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์   ต่อมาเมื่อวันที่ 9 พ.ค. พนักงานสอบสวน สภ.ไพศาลี  ได้รวบรวมพยานหลักฐานต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์อนุมัติออกหมายจับ ร.ต.อ.เฉลิมชัย และร.ต.ท.ละยู ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุอันควรจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช้เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน

รองโฆษก ตร. กล่าวต่อว่า คดีนี้มีความคืบหน้ามาโดยตลอด ตั้งแต่การสอบสวนรวมรวบพยานหลักฐาน จนศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดและการติดตามจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 ราย ขณะที่การสืบสวน ไล่ล่า ติดตาม จับกุม ผู้ต้องหาที่เหลือ มาดำเนินคดีนั้น ก็มีความคืบหน้าไปมากเช่นกัน โดยหากพบว่าผู้ต้องหาหรือผู้ใดที่เกี่ยวข้องในคดี มีการกระทำความผิดอื่นใดเพิ่มเติมก็จะรวบรวมพยานขออนุมัติศาลออกหมายจับทันที


พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้เร่งรัดติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีขององค์กรและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้เสียหาย สำหรับการเสียชีวิตของผู้ต้องหารายนี้ คงไม่ใช่อุปสรรคในการติดตามจับกุมคนร้ายในคดีปล้นทรัพย์ที่ สภ.คูคต แต่อย่างใด เพราะผู้ต้องหาทั้งหมดมีความผิดตามกฎหมายชัดเจนและเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอยู่แล้ว




 (ที่มา ข่าวสด)
/ภัทรพงศ์  ข่าวภาพ ,เรียบเรียง

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.