นครปฐม อส.โต้ ช่วยจับงูเห่าเข้าบ้านประชาชนจนงูพ่นพิษใส่ดวงตา
นครปฐม อส.โต้ ช่วยจับงูเห่าเข้าบ้านประชาชนจนงูพ่นพิษใส่ดวงตา
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2561 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้าน อส.โต้ มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม หลังทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่ อส.มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม จุดกำแพงแสน ไปช่วยเหลืประชาชนจับงูเห่า จนได้รับพิษงูเข้าที่ดวงตาแทบบอดแต่ก็ยังทนต่อความเจ็บปวดร้อนจนสามารถจับงูเห่าได้
สืบเนื่องเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2561 เจ้าหน้าที่มูลนิธสุขศาลานุเคราะห์นครปฐมจุดกำแพงแสนได้รับแจ้งจากศูนย์มูลนิธิว่ามีงูเห่าเข้าบ้านเรือนประชาชน ม.7 ตลาดโพธิ์งาม ต.กระตีบ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม จึงได้นำกำลังไปช่วยกันจับงู 5 นาย ส่วนนายเจนณะรงค์ พุ่มเกตุ อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 23 ม.12 ต.สระสี่มุม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ชื่อเล่น อส.โต้ ได้ช่วยกันจับงูเห่าขนาดลำตัวไม่ใหญ่เท่าไรสีดำ. แต่การจับงูก็เป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะงูเห่าจะคล่องและรวดแร็วมาก ด้าน อส.โต้ ซึ่งจับงูอยู่ด้านล่างเป็นคนคอยใช้ไม้กดลำตัวงูเอาไว้และเกิดการผิดพลาด ในการจับงูเห่า งูจึงได้พ่นพิษใส่ อส.โต้ เพราะอยู่ใกล้งูมากที่สุด แต่อส.โต้ ก็ไม่ยอมปล่อยงู จนกว่าเพื่อนจะมาจับเอาไว้ได้ จากนั้น อส.โต้ ได้เรียกเพื่อนให้เอานำ้เกลือมาล้างตาให้ที เพราะโดนพิษงู พ่นใ่ที่ดวงตาข้างขวา มีอาการปวดแสบปวดร้อน ทรมานมากจากนั้น นายอมรเทพ แสงโชติช่วง กรรมการจุดแพงแสน และนายวรายุ ฉำ่ชมวิทย์ รองหัวหน้าที่มจุดกำแพงแสน-การบิน พร้อมเพื่อนๆ รีบนำตัง อส.โต้ ส่งโรงพยาบาลกำแพงแสน และ ส่งต่อ รพ.ศูนย์นครปฐม จากการตรวจของแพทย์โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ในดวงตายังมีพิษงูเกาะอยู่ในดวงตา จะเลื่อนไปมา ทางด้านหมอจึงได้ให้นำ้ยาหยอดตามาเพื่อที่จะใช้หยอดเป็นประจำจึงอนุญาติให้กลับบ้านได้
ทางด้านนนายเจนณะรงค์ พุ่มเกตุ หรือ อส.โต้ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองมีความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าอยากทำงานช่วยเหลือผู้คน เมื่อโตขึ้นจึงได้มาสมัครเป็นอาสามูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ซึ่งตนเองได้มาเป็นอาสาได้ก็ 1 ปีแล้วตนเอง ได้นามเรียกขานว่า อส.1463 จุดกำแพงแสน ซึ่งตนเองมีความภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือสังคมและประชาชนที่ต้องการขอความช่วยเหลือตนเองก็พร้อมทำงานเพื่อสังคมเท่าที่ตนเองจะทำได้ ถึงแม้ว่าตนเองยังไม่รู้ว่าดวงตาจะเป็นอย่างไร แต่ก็ให้คำมั่นสัญญากับตนเองอย่างหนักแน่นว่ายังกลับมาทำหน้าที่ อส.ของมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ช่วยเหลือสังคม และประชาชนต่อไป ถึงแม้แต่ดวงตาจะเหลือเพียงข้างเดียว อส.โต้ ก็คงยังทำหน้าที่ตรงนี้อยู่ ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันอยากช่วยคนช่วยสังคม ถึงแม้ไม่ใช่ญาติ พี่น้องก็ตาม แต่ก็รักเหมือนญาติพี่น้องทุกคนและจะช่วยเหลือคนและสังคมทุกที่เท่าที่จะทำได้อีกด้วย
ปนิทัศน์ มามีสุข นส.ปณิดา มามีสุข จ.นครปฐม
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2561 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้าน อส.โต้ มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม หลังทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่ อส.มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม จุดกำแพงแสน ไปช่วยเหลืประชาชนจับงูเห่า จนได้รับพิษงูเข้าที่ดวงตาแทบบอดแต่ก็ยังทนต่อความเจ็บปวดร้อนจนสามารถจับงูเห่าได้
สืบเนื่องเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2561 เจ้าหน้าที่มูลนิธสุขศาลานุเคราะห์นครปฐมจุดกำแพงแสนได้รับแจ้งจากศูนย์มูลนิธิว่ามีงูเห่าเข้าบ้านเรือนประชาชน ม.7 ตลาดโพธิ์งาม ต.กระตีบ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม จึงได้นำกำลังไปช่วยกันจับงู 5 นาย ส่วนนายเจนณะรงค์ พุ่มเกตุ อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 23 ม.12 ต.สระสี่มุม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ชื่อเล่น อส.โต้ ได้ช่วยกันจับงูเห่าขนาดลำตัวไม่ใหญ่เท่าไรสีดำ. แต่การจับงูก็เป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะงูเห่าจะคล่องและรวดแร็วมาก ด้าน อส.โต้ ซึ่งจับงูอยู่ด้านล่างเป็นคนคอยใช้ไม้กดลำตัวงูเอาไว้และเกิดการผิดพลาด ในการจับงูเห่า งูจึงได้พ่นพิษใส่ อส.โต้ เพราะอยู่ใกล้งูมากที่สุด แต่อส.โต้ ก็ไม่ยอมปล่อยงู จนกว่าเพื่อนจะมาจับเอาไว้ได้ จากนั้น อส.โต้ ได้เรียกเพื่อนให้เอานำ้เกลือมาล้างตาให้ที เพราะโดนพิษงู พ่นใ่ที่ดวงตาข้างขวา มีอาการปวดแสบปวดร้อน ทรมานมากจากนั้น นายอมรเทพ แสงโชติช่วง กรรมการจุดแพงแสน และนายวรายุ ฉำ่ชมวิทย์ รองหัวหน้าที่มจุดกำแพงแสน-การบิน พร้อมเพื่อนๆ รีบนำตัง อส.โต้ ส่งโรงพยาบาลกำแพงแสน และ ส่งต่อ รพ.ศูนย์นครปฐม จากการตรวจของแพทย์โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ในดวงตายังมีพิษงูเกาะอยู่ในดวงตา จะเลื่อนไปมา ทางด้านหมอจึงได้ให้นำ้ยาหยอดตามาเพื่อที่จะใช้หยอดเป็นประจำจึงอนุญาติให้กลับบ้านได้
ทางด้านนนายเจนณะรงค์ พุ่มเกตุ หรือ อส.โต้ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองมีความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าอยากทำงานช่วยเหลือผู้คน เมื่อโตขึ้นจึงได้มาสมัครเป็นอาสามูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ซึ่งตนเองได้มาเป็นอาสาได้ก็ 1 ปีแล้วตนเอง ได้นามเรียกขานว่า อส.1463 จุดกำแพงแสน ซึ่งตนเองมีความภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือสังคมและประชาชนที่ต้องการขอความช่วยเหลือตนเองก็พร้อมทำงานเพื่อสังคมเท่าที่ตนเองจะทำได้ ถึงแม้ว่าตนเองยังไม่รู้ว่าดวงตาจะเป็นอย่างไร แต่ก็ให้คำมั่นสัญญากับตนเองอย่างหนักแน่นว่ายังกลับมาทำหน้าที่ อส.ของมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ช่วยเหลือสังคม และประชาชนต่อไป ถึงแม้แต่ดวงตาจะเหลือเพียงข้างเดียว อส.โต้ ก็คงยังทำหน้าที่ตรงนี้อยู่ ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันอยากช่วยคนช่วยสังคม ถึงแม้ไม่ใช่ญาติ พี่น้องก็ตาม แต่ก็รักเหมือนญาติพี่น้องทุกคนและจะช่วยเหลือคนและสังคมทุกที่เท่าที่จะทำได้อีกด้วย
ปนิทัศน์ มามีสุข นส.ปณิดา มามีสุข จ.นครปฐม
ไม่มีความคิดเห็น